บทที่ 8
E-marketing (Part2)
Search Engine Marketing
ทําไมต้องใช้ Search Engine?
- จากข้อมูลของ Wall Street Journal ได้บอกไว้ว่า 85%ของผ้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วโลก ใช้ Search Engine
- 87%ของผ้ใช้งานอินเตอร์เน็ต จะหาเว็บไซต์จาก Search Engine (ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Georgia Tech)
- 70% ของการซื้อขายอีคอมเมิร์ซเริ่มต้นจากการใช้เสิร์ชค้นหา (Source: Forrester/IAB)
Search Engine ทํางานยังไง ?
รูปแบบของ Search Engine
- Natural Search Engine Optimization (SEO) การค้นหาการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกธรรมชาติ
คือเป็นการปรับแต่ง Key Word ให้ตรงกับเว็บไซต์ เมื่อมีการค้นหาผ่าน Search Engine ชื่อเว็บจะแสดงอยู่ในหน้ารายการของเว็บที่ค้นเจอ
ข้อดี
- ฟรีTraffic
- ผู้ชมจะคลิกในส่วนนี้สูงถึง 60-70%
ข้อเสีย
- ใช้เวลานานในการขึ้นอันดับ
- สามารถเลือกจํานวน keyword ได้จํากัดแค่2-5 คําต่อเนื้อหาหนึ่งหน้าของเว็บเพจ
- ไม่สามารถรักษาสถานะของอันดับได้แน่นอน
- ไม่สามารถวัดค่า ROI ที่แน่นอนใช้เวลานานกวาจะรู้ผลของแต่ละคํา
- Paid Search Advertising (Pay Per Click Advertising) จ่ายค้นหาโฆษณา
เป็นการโฆษณาแบบจ่ายเงินเพื่อทําให้เว็บของคุณ แสดงเมื่อมีการค้นหาใน Key Word ที่คุณกําหนดไว้
ข้อดี
- พร้อมใช้ในเวลาไม่ถึง 15 นาที
- แม้ว่า Search Engine จะเปลี่ยนแปลงการจัดใหม่ อันดับของคุณจะคงที่อยู่เสมอ
- สามารถเลือกจํานวน keyword ได้ไม่จํากดั
- ควบคุมค่าใช้จ่าย และสามารถวัดค่า ROI ได้แม่นยําและใช้เวลาไม่นาน
ข้อเสีย
- ต้องเสียเงินทุกครั้งเมื่อมีคนคลิกAd
- ต้องใช้ทักษะที่ค่อนข้างสูงในการบริหารAd
E-Mail Marketing การตลาดผานอีเมล์
1. สร้าง Mail Marketing ของตัวเอง
2. ไปยืมรายชื่อคนอื่นๆส่ง BlanketMail.com, Briefme.com, Colonize.com, MailCreations.com, TargetMails.com
3. ยิงมั่ว หรือ SPAM
4. ไปดูด Email จากแหล่งต่าง website, search engines, whois database
วิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์-Online
- ส่ง MSN, ICQ หาเพื่อนๆ แล้วให้ส่งต่อ
- โปรโมตธุรกิจบนเว็บบอร์ดหรือ Community ต่างๆ
- ลงทะเบียนใน Web Directory, Search Engine
- ไปเขียนบทความที่อื่นๆ แล้วทํา link กลับมา
- มีบริการทดลองใช้ฟรี หรือ มีการรับรองผล
- แจ้งผู้เข้าเยี่ยมชมเมื่อ เว็บปรับปรุงใหม่
- ให้ดาวน์โหลด ฟรี.!
- ไปลงชื่อใน guest book ของเว็บอื่นๆ
- สร้างสิสันในเทศกาลต่างๆ ในเว็บไซต์
- ระบบสมาชิกแนะนําสมาชิก Affiliate/ reseller/ associate program
- แจกฟรี E-Mail ภายใต้ชื่อเว็บตัวเอง
- ให้คอมมิชชั่นกับเว็บอื่นที่โฆษณาหรือขายสินค้าให้เรา
- แจกรางวัลผู้มาเยี่ยมชม หรือบัตรกานัลออนไลน์
- จัดประกวดหรือ แข่งขันต่างๆ ภายในเว็บ
- หมั่นคอยส่ง Mailing List หาสมาชิก
แบบฟรี.!
- นํา URL ไปติดไว้ทุกที่ที่ติดได้ นามบัตร, หัว-ซองจดหมาย, ที่อยู่บริษัท
- ติดสติกเกอร์หลังรถตัวเอง, เพื่อน, ญาติพี่น้อง, คนรู้จักและ ไม่รู้จัก
- คูปองส่วนลดพิเศษ
- ให้ผลงานคุณกบคนอื่นๆ ฟรี.! (เขียนบทความ, การ์ตูน, ภาพต่างๆ)
- ร่วมมือกับพันธมิตร (Partner)
- เข้าสังคมคนทําเว็บหาเพื่อน (สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย www.webmaster.or.th)
Raid Marketing (การตลาดแบบจู่โจม)
- ใช้คนเป็นจํานวนมากในการเข้าไป “สร้างกระแส” ตามแหล่งต่างๆ ที่มีคนเยอะ
- ใช้ความเป็น “ส่วนตัว” เข้าไปสร้างกระแสสังคมใน Virtual Community
รูปแบบรายได้จากการทําเว็บไซต์
1. ขายโฆษณาออนไลน์
2. ขายสินค้า E-Commerce
3. ขายบริการหรือสมาชิก
4. ขายข้อมูล (Content)
5. การจัดกิจกรรม, งาน
6. การให้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ
7. การรับพัฒนาเว็บไซต์
การแนะนําสินค้า (Advertorial)
1.การทําโพล หรือ แบบสํารวจออนไลน์
ใช้ฐานลูกค้าของเว็บไซต์นั้นๆ เป็นผู้ทําแบบสํารวจผ่านเว็บไซต์
2.ขายสินค้าทํา E-Commerce
การขายสินค้าผ่านหน้าเว็บ โดยคุณอาจจะมีสินค้าหรือไม่มีสินค้าก็ได้ เช่น notebook, Application
3.การขายบริการหรือสมาชิก
ให้บริการเช่าแอพพิลเคชั่น (ASP), การขายบริการที่ดีกว่า
4.ขายข้อมูล
ค่าเข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ รูปภาพหรือข้อมูล, จํากัดการเข้าดู
5.จัดกิจกรรมและงาน
งานสัมมนา, งานสอน, การแข่งกีฬา การนัดพบปะสังสรรค์
6.การให้บริการผ่านมือถือ
SMS, Logo-Ringtone, 1900
8. การรับพัฒนาเว็บไซต์
ใช้ความรู้ที่มีในการรับพัฒนาเว็บไซต์ มาให้บริการ
• ออกแบบเว็บ (Web Design)
• เขียนโปรแกรม (Web Programming)
• ดูแลเว็บ (Web Maintenance)
• การตลาดออนไลน์ (Web Marketing)
• ที่ปรึกษา (Consultant)
อาจนําทั้งหมดมาทําเป็น Package
6 Cs กับความสําเร็จของการทําเว็บ
1.Content (ข้อมูล)
- ข้อมูลใหม่สดเสมอ
- ข้อมูลมีความถูกต้อง
- อ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล
การจัดการและบริหารข้อมูล (Content Management )
1. เว็บไซต์ที่มีข้อมูลไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย (Static Content)
2. เว็บไซต์ที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลอยูเสมอ (Dynamic Content)
รูปแบบของการหาข้อมูลมาไว้ในเว็บไซต์มี 3 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่
1.ทางผู้จัดทําเว็บไซต์เป็นคนผลิตข้อมูลขึ้นมา (Self Feeding)
2.ข้อมูลมากจากผู้เข้ามาใช้บริการ (User Feeding)
3.ข้อมูลมากจากพันธมิตร (Partner Content)
2.Community (ชุมชน,สังคม)
คือ การรวมตัวของกลุ่มคนจํานวนหนึ่ง ที่อยู่ร่วมกันภายใต้สถานๆหนึ่ง โดยการพูดคุยหรือกิจกรรมร่วมกันภายในสถานที่แห่งนั้น
องค์ประกอบในการสร้าง Community ในเว็บไซต์ของคุณ
1.เว็บบอร์ด (Web Board)
2. พิกโพสต์ (Pic Post)
3. ไดอารี่หรือ บล็อก (Diary or Blog)
4. ข่าว (News) + Web Board
5. รวมลิงค์เว็บไซต์
6. ห้องแช๊ตรูม (Chat Room)
3.Commerce (การค้าขาย)
หรือ การทําการค้าขายผ่านเว็บไซต์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ได้
การหาสินค้ามาขายผ่านหน้าเว็บ
- การซื้อสินค้ามาเก็บไว้
- การนําสินค้าจากแคตตาล๊อกมาขาย (จับเสือมือเปล่า)
- การนําสินค้าจากพันธมิตรมาขาย www.thaisecondhand.com/promotion
4.Customization (การปรับให้เหมาะสม)
คือ รูปแบบการให้บริการที่สามารถปรับแต่งการใช้งานให้มีความเหมาะสมกับผู้ใช้บริการภายในเว็บไซต์
•การปรับแต่งข้อมูลเพื่อการบริการ (Service) http://my.MSN.com
• การปรับแต่งสินค้าเพื่อการค้า (Commerce) www.Nike.com
• การเก็บข้อมูลของลูกค้าเพื่อการนําเสนอข้อมูล (Information) www.Amazon.com
5.Communication, Channel (การสื่อสารและช่องทาง)
คือ ช่องทางในการสื่อสารและติดต่อกับผู้ใช้บริการในเว็บไซต์ของคุณ เช่น
-โทรศัพท์มือถือ เช่น บริการผ่าน WAP, บริการข้อมูลผ่าน SMS
- PDA
- ทางโทรศัพท์ปกติ
6.Convenience (ความสะดวกสบาย)
การใช้งานง่าย (Usability)
1. "ดู"ง่าย
• การวางรูปแบบ (Layout)
• รูปภาพ และไอค่อน ( Image & Icon)
• ขนาดตัวอักษร (Font) และการจัดหน้า
• การออกแบบระบบนําทางที/ดี (Navigation)
• มี Site map ในเว็บ
2. "เรียนรู้" ได้ง่าย (easy to learn)
3. "จดจํา" วิธีการใช้งานได้ง่าย
4. "เข้าถึง" ได้ง่าย
5. ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ (efficient to use)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น