วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สรุป บทที่ 5 E-Commerce

บทที่ 5 
E-Commerce



ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Business) คือกระบวนการดําเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายที่เรียกว่าองค์การเครือข่ายร่วม (Internet worked Network) ไม่ว่าจะเป็นการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) การติดต่อสื่อสารและการทํางานร่วมกัน หรือแม้แต่ระบบธุรกิจภายในองค์กร


การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce)  คือ การทําธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทําเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนําสินค้า พนักงานต้อนรับ เป็นต้น จึงลดข้อจํากัดของระยะทาง และเวลาลงได้


การประยุกต์ใช้ (E-commerce Application)
          - การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์   (E-Retailing)
          - การโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Advertisement)
          - การประมูลอิเล็กทรอนิกส์   (E-Auctions)
          - การบริการอิเล็กทรอนิกส์    (E-Service)
          - รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์         (E-Government)
          - การพาณิชย์ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (M-Commerce : Mobile Commerce)



กรอบการทํางาน (E-Commerce Framework)

โครงสร้างพื้นฐาน (E-Commerce Infrastructure)
          องค์ประกอบหลักสําคัญด้านเทคโนโลยีพื้นฐาน ที่จะนํามาใช้เพื่อการพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนได้แก่
1. ระบบเครือข่าย (Network)
2. ช่องทางการติดต่อสื่อสาร (Chanel Of Communication)
3. การจัดรูปแบบและการเผยแพร่เนื้อหา (Format & Content Publishing)
4. การรักษาความปลอดภัย (Security)

การสนับสนุน (E-Commerce Supporting)
         ส่วนของการสนับสนุนจะทําหน้าที่ช่วยเหลือและสนับสนุนส่วนของการประยุกต์ใช้งานให้ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนเสาหลักของบ้าน สําหรับส่วนสนับสนุนของ E-Commerce มีองค์ประกอบ 5 ส่วนด้วยกันดังต่อไปนี้
1. การพัฒนาระบบงาน   E-Commerce Application Development
2. การวางแผนกลยุทธ์   E-Commerce Strategy
3. กฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์   E-Commerce Law
4. การจดทะเบียนโดเมนเนม   Domain Name Registration
5. การโปรโมทเว็บไซต์   Website Promotion


การจัดการการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ประเภทของ E-Commerce

กลุ่มธุรกิจที่ค้ากําไร (Profits Organization)
1. Business-to-Business (B2B)
2. Business-to-Customer (B2C)
3. Business-to-Business-to-Customer (B2B2C)
4. Customer-to-Customer (C2C)
5. Customer-to-Business (C2B)
6. Mobile Commerce

กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากําไร (Non-Profit Organization)
1. Intrabusiness (Organization) E-Commerce
2. Business-to-Employee (B2E)
3. Government-to-Citizen (G2C)
4. Collaborative Commerce (C-Commerce)
5. Exchange-to-Exchange (E2E)
6. E-Learning


แบบจําลองทางธุรกิจ  E-Commerce Business Model
          หมายถึง วิธีการดําเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้อันจะทําให้บริษัทอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Add) ให้กับสินค้าและบริการ วิธีการที่องค์กรคิดค้นขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่ อันจะก่อให้เกิดผลกําไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ


ข้อแตกต่างระหว่างการทําธุรกิจทั่วไปกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์


ข้อดีและข้อเสียของ E-Commerce
ข้อดี
1.สามารถเปิดดําเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.สามารถดําเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
3.ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
4.ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดําเนินการ
5.ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครั้งเดียวแต่ไปได้ทั่วโลก
6.สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ง่าย
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสําหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
8.ไม่จําเป็นต้องเปิดเป็นร้านขายสินค้าจริงๆ

ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสิทธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชําระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดําเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบออนไลน์
5.การดําเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น